“พูดจาภาษาดอกไม้” ความหมาย ความงามของดอกไม้ ในแง่มุมต่างๆ

“พูดจาภาษาดอกไม้” ความหมาย ความงามของดอกไม้ ในแง่มุมต่างๆ

สรุปบทความ

ดอกไม้แต่ละชนิดก็มีความหมาย ความซับซ้อนอะไรอยู่มากมาย การให้ดอกไม้ใครสักคน หากเรารู้ที่มา ความหมายที่แน่ชัด ความในใจของเรา ก็จะส่งตรงไปผู้รับสารได้ตรงใจ

หากเอ่ยถึง “ดอกไม้” สิ่งแรกที่คุณนึกถึงคืออะไรกันคะ?

ความสวยงามที่แสนลงตัวของรูปลักษณ์ภายนอก สีสันของกลีบดอกไม้ ตัดกันกับสีของใบและถูกประคองไว้ด้วยความแข็งแรงด้วยก้าน

“ดอกไม้กับความงาม” จึงเป็นของคู่กันเสมอมานับแต่ไหนแต่ไร
แต่ใครจะรู้ว่าความงดงามที่เรามองเห็นเพียงผิวเผินเพียงด้วยตาเปล่านั้น มี “ความหมาย” และ “ตัวแทน”อะไรซ่อนอยู่มากมาย

บางช่วงบางเวลา ดอกไม้ยังถูกใช้แทนคำตอบ “ใช่” หรือ “ไม่” เมื่อผู้ส่งสารไม่อยากตอบคำถามที่ชวนอึดอัดเหล่านั้นด้วยภาษาพูด โดยใช้การมอบดอกไม้ด้วยมือขวาแทนคำว่า “ใช่” และถ้าคำตอบคือ “ไม่” ให้เรามอบดอกไม้ให้คนๆ นั้นด้วยมือซ้าย

ดอกไม้ ความหมาย

ย้อนดูยุครุ่งเรืองของ “ภาษาดอกไม้”

แทบทุกความรู้สึกของมนุษย์สามารถใช้ดอกไม้แทนอารมณ์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเหงา เศร้า คิดถึงหรืออยากบอกว่าเรา “รัก” ใครสักคน นอกจากจะให้ความรื่นรมย์ในทุกครั้งมองแล้ว ดอกไม้ยังเสมือนว่ามีหน้าที่เป็นตัวกลางนำสารจากผู้ส่งไปยังผู้รับ จนมีชื่อแบบไพเราะเสนาะหูว่า “ภาษาดอกไม้”

ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นของภาษาดอกไม้เกิดขึ้นในอียิปต์โบราณ

ดอกไม้ อียิปต์

ดอกไม้ใช้เป็นสื่อกลางแทนคำพูดมายาวนานหลายศตวรรษ นับเป็นหนึ่งในภาษาสากลที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ทั้งเอเชียและยุโรป แต่เกิดขึ้นครั้งแรกแบบแน่ชัดและเป็นข้อเท็จจริงเมื่อไรนั้น ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด

บ้างก็ว่าจุดเริ่มต้นของ “ภาษาดอกไม้” กำเนิดขึ้นในอียิปต์โบราณ สันนิษฐานจากข้าวของเครื่องใช้ที่พบในสุสานฟาโรห์ตุตันคาเมน (Tutankhamun’s tomb) ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด เซรามิก เครื่องประดับ สร้อยคอ มักมีลวดลายดอกไม้ อย่าง ดอกทานตะวัน ดอกบัว และดอกป๊อปปี้ ฯลฯ หลายชนิดเป็นส่วนประกอบ

แต่นั่นก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นแบบคาดเดา…

ภาษาดอกไม้ใน “ยุควิกตอเรียน (Victorian Era)”

แม้จุดเริ่มต้นจะไม่แน่ชัด ทว่าชัดเจนในความรุ่งเรือง

“ภาษาดอกไม้” เฟื่องฟูและเบ่งบานเป็นอย่างมากในสมัยวิกตอเรียน (Victorian Era – ค.ศ. 1837–1901) ซึ่งเป็นยุคที่สหราชอาณาจักรรุ่งเรืองถึงขีดสุดเกือบทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ (ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) – แนวคิดเรื่องวิวัฒนาการ) ฯลฯ

แน่นอนว่านับเป็นยุคทองของงานศิลปะด้วยเช่นกัน

ดอกไม้ ยุควิกตอเรียน

ความที่ราชินีวิกตอเรีย (Queen Victoria) ในยุคนั้น หลงใหลดอกไม้เป็นชีวิตจิตใจ สิ่งรอบตัวท่านจึงเต็มไปด้วยดอกไม้รายล้อมไปซะหมด ทำให้ผู้หญิงในสมัยได้รับอิทธิพลเรื่องดอกไม้ไปเต็มๆ นอกจากจะเป็นควีนที่ปกครองอาณาจักรแล้ว พระองค์ยังเป็นไอคอนแฟชั่นของสาวๆ ในยุควิกตอเรียนอีกด้วย

ความรุ่งเรืองของดอกไม้ในสมัยนั้น ได้รับความนิยมถึงขนาดที่ว่า มีหนังสือแปลความหมายของภาษาดอกไม้ (Floral Dictionary) ตีพิมพ์แบบเป็นจริงเป็นจัง เพื่อป้องกันการรับสารที่ผิดพลาดหรือแปลไม่ตรงกัน

ความหมายที่ซ่อนอยู่ของดอกไม้ในงานศิลปะ

ส่วนในแง่ของงานศิลปะนั้น ภาษาดอกไม้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายไม่แพ้กัน มักปรากฏเป็นถ้อยคำอยู่ตามบทกวีหรืออวดโฉมอยู่ในภาพวาด นิยมใช้แทนความรู้สึกที่ผู้ส่งไม่อยากเอ่ยด้วยวาจา

ดอกไม้แต่ละชนิดก็ให้ความหมายแตกต่างกันไปตามรูปโฉม ลองดูว่าความนัยที่ซ่อนอยู่ในนั้นคืออะไร เผื่อใครจะลองใช้ “ภาษาดอกไม้” สื่อสารไปยังคนพิเศษของเรารับรู้ถึงความรู้สึก

1. ลิลลี่ – Lily

ลิลลี่

ด้วยความงามของลิลลี่ทำให้ดอกไม้ชนิดนี้สื่อสารได้หลายมิติ เริ่มจากสมัยอียิปต์โบราณ ดอกไม้ชนิดนี้เป็นตัวแทนของ “ผู้หญิงอุดมคติ” ส่วนยุคโรมันมองว่า ลิลลี่คือตัวแทนของ “ความรัก” ประมาณว่าหากผู้หญิงคนไหนได้ดอกลิลลี่ แปลว่าส่งมาจากคนรักของเธอ

นอกจากนี้ลิลลี่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่ง “ความบริสุทธิ์” มักใช้ประดับประดาในงานแต่ง สอดคล้องกับความเชื่อทางศาสนาคริสต์ ที่เชื่อว่าลิลลี่เป็นตัวแทนของพระแม่มารี (Blessed Virgin Mary) นอกจากนี้ยังนิยมใช้ในงานศพและงานไว้อาลัยตามอนุสรณ์สถานต่างๆ โดยใช้ในแง่ของ “ความสงบ” เป็นตัวแทนของความโศกเศร้า

2. กุหลาบแดง – Red Rose

กุหลาบแดง

เนื้อเพลงที่ว่า “ปลูกกุหลาบแดงไว้เพื่อเธอ 9,999 ดอก บ่งบอกความจริงที่ยิ่งใหญ่ บ่งบอกว่าใจฉันยังคงมั่น”

นั่นไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใดนะคะ แต่ไหนแต่ไร กุหลาบแดงเป็นสัญลักษณ์ของ “ความรักที่โรแมนติก” เสมอมา เป็นรักตัวแทนรักยืนยง รักมันคง รักที่เต็มไปด้วยเสน่หา สังเกตได้ว่าทั้งงานเขียน งานเพลงและงานศิลปะต่างๆ ที่มุ่งเน้นเรื่องความรัก มักมีกุหลาบแดงเป็นส่วนหนึ่งของงาน

3. ลาเวนเดอร์ – Lavender

ลาเวนเดอร์

เรามักเห็นลาเวนเดอร์สวยๆ ประดับอยู่ตามงานมงคลหรือพีธีการเฉลิมฉลองต่างๆ ด้วยความที่ดอกไม้ชนิดนี้ให้ความรู้สึกสะอาดตา สัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาในทุกครั้งที่มอง

ที่สำคัญลาเวนเดอร์ยังเป็นตัวแทนแห่ง “ความเงียบสงบ” สังเกตได้จากน้ำมันหอมระเหยกลิ่นโปรดของหลายๆ คน คือดอกไม้ชนิดนี้ เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่สร้างความผ่อนคลายได้ยอดเยี่ยม ทั้งยังเป็นดอกไม้แห่ง “ความจงรักภักดี” ของผู้ที่ทุ่มเทเรื่องความรักอย่างจริงใจและจริงจัง

4. เดซี่ – Daisy

เดซี่

ดอกไม้โปรดของหลายๆ คนชนิดนี้ เป็นสัญลักษณ์ของ “ความไร้เดียงสา” มักใช้กับทารกวัยเบบี้ หรือใครก็ตามที่อยากเริ่มต้นใหม่กับอะไรก็ได้บนโลก ใช้แทนความหวัง และบอกว่าเราให้ “กำลังใจ” เธอกับทุกเรื่องนะ

ถ้าใครเบื่อกับการส่งกุหลาบแดงแสดงถึงความรักโรแมนติกแล้ว ลองเปลี่ยนมาส่งเดซี่ ที่แสดงถึง “รักแท้” ก็มีความหมายที่ลึกซึ้งไม่แพ้กัน (ดอกเดซี่ยังแทนความห่วงใยและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวได้ด้วย)

5. บัว – Lotus

บัว

มักปรากฏอยู่ในงานศิลปะเอเชียเป็นส่วนใหญ่ นิยมใช้เป็นสัญลักษณ์ของ “การเกิดและการเริ่มต้นใหม่” ด้วยการอิงตามลักษณะการบานและหุบของดอกบัว (บานเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น หุบเมื่อพระอาทิตย์ตก)

6. มะลิขาว – White Jasmine

มะลิ

จะเห็นได้ว่า ตามบทกวีและงานศิลปะ “ดอกมะลิสีขาว” ถูกเลือกมาใช้สื่อสารมากสุดในตระกูลดอกมะลิด้วยกัน โดยมีความหมายแทนความบริสุทธิ์ ไร้เดียงสาและความเคารพ ตามสีของดอกมะลิ นอกจากนี้ทางฮินดูยังเชื่อว่า ดอกมะลิเป็นตัวแทนของ “ความรัก” อีกด้วย

7. ทานตะวัน – Sunflower

ทานตะวัน

หลายคนมองว่าดอกไม้นี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความสดใส เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและการมองโลกในแง่ดี ทว่าก็มีบางคนกล่าวเอาไว้ว่า ทานตะวันเป็นตัวแทนของ “หลงใหล” เพราะไม่ว่าแสงอาทิตย์จะอยู่ทางไหน ทานตะวันก็จะหันตามไปเสมอ (หรือถ้าพูดในสมัยนี้ก็คือ “คลั่งรัก”)

8. กล้วยไม้ – Orchid

กล้วยไม้

คำว่า Orchid มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก “Orchis” ซึ่งหมายถึงอัณฑะ เพราะในสมัยก่อนชาวกรีกเชื่อว่า ดอกกล้วยไม้ช่วยให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ได้และทำให้ผู้ชายมีกำลังวังชาแข็งแรงพร้อมมีบุตร ทั้งยังเชื่ออีกว่ากล้วยไม้กำหนดเพศในครรภ์ได้ (อยากให้บ้านไหนมีลูกก็เอากล้วยไม้ไปให้)

กล้วยไม้จึงกลายเป็นดอกไม้แห่ง “ความรัก” และ “ความอุดมสมบูรณ์”

คล้ายๆ กับคนจีนที่เชื่อว่ากล้วยไม้เป็นตัวแทนเรื่องความแข็งแรงและสุขภาพดี พวกเขานิยมนำน้ำมันหอมระเหยของกล้วยไม้มาใช้กับหนุ่มสาวที่ต้องการมีลูก สอดคล้องกับความเชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ในโลกตะวันตก

เอ่ยคำลาด้วยการ “พูดจาภาษาดอกไม้”

ทุกอย่างบนโลกหากเรามองอย่างลึกซึ้ง ในแง่มุมที่หลากหลาย จะพบว่ามีเรื่องราวหรือนัยยะอะไรซ่อนอยู่มากมาย ความงามจากรูปลักษณ์แบบผิวเผินของดอกไม้ หากเราใช้แค่ตามองก็จะพบแค่ความสวยงาม หากเราใช้หัวใจ เราจะเห็นถึงข้อความและความหมายของผู้ส่งที่มีให้เราอย่างเต็มหัวใจ

ไหนๆ ก็ทราบความนัยของดอกไม้แต่ละชนิดไปพอหอมคอ มาบ่มเพาะความรู้สึกของคุณให้มีมูลค่ามากขึ้น ด้วยการเลือกดอกไม้ที่ถูกใจสักชนิดที่ kaidee แล้วลงมือปลูกด้วยตัวเองไปเลย รับรองว่าทั้งความสวยของดอกไม้ ความหมายที่คุณอยากบอกและความตั้งใจทุ่มเทแบบเต็มร้อย คนรับจะต้องเปี่ยมล้นและรับรู้ถึงความพิเศษเหล่านั้นของคุณแน่นอน

สอบถามข้อมูลอื่นๆ หรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

กรุณาสแกนคิวอาร์โค้ด หรือเพิ่มเพื่อนด้วยไอดีไลน์ @kaideeofficial